GRAMMY นำร่องบุกตลาด Music NFT จับมือ 4 แพลตฟอร์มยักษ์ พร้อมเข้าสู่ธุรกิจเพลงแห่งอนาคต

Back17 ธันวาคม 2564

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของ NFT กำลังจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วโลก ซึ่งนับเป็นโอกาสใหม่ที่จะเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้จากการซื้อขายชิ้นงานที่ไร้ขอบเขต สามารถเข้าถึงได้ง่ายในโลกดิจิตอล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่รักและชื่นชอบศิลปินในอุตสาหกรรมเพลง

โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาเรื่อง Music NFT มาเป็นระยะเวลาพอสมควร เนื่องด้วย GMM Grammy มี Hidden Asset ที่สอดคล้องกับ NFT ที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งเราไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเปิดแพลตฟอร์ม แต่ต้องการที่จะสร้างตลาด Music NFT ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งวันนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แฟนเพลงสามารถเข้าถึง ครอบครอง ลงทุน ในคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆ ของ GMM Grammy และการมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งน่าจะเป็นตัวเร่งและส่งเสริมให้ตลาด Music NFT ในประเทศไทยเป็นที่นิยมในวงกว้างได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราจับมือร่วมกับ 4 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ อย่าง Bitkub, Coral, East NFT และ Zipmex โดยได้เลือกวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนและแตกต่างในแต่ละแพลตฟอร์มอีกด้วย อีกทั้งยังพร้อมที่จะร่วมมือกับ แพลตฟอร์ม NFT เจ้าอื่นๆ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงและจะทำการประกาศความร่วมมือในลำดับต่อไป

สำหรับ 4 พันธมิตรที่จะร่วมส่งเสริมการตลาด Music NFT ได้แก่

  1. Bitkub กลยุทธ์ในการวางสินค้าในแพลตฟอร์มนี้จะเป็นเรื่องของ Young Artist ที่มี Digital Mindset เป็นสินค้าที่มีความครีเอทีฟ และดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่
  2. Coral กลยุทธ์ในการวางสินค้าในแพลตฟอร์มนี้คือ Mass Inventory Collection ที่จับต้องง่าย เป็นสินค้าของศิลปินที่เป็นขวัญใจมหาชน
  3. East NFT กลยุทธ์ของแกรมมี่สำหรับแพลตฟอร์มนี้คือชิ้นงานที่เป็นประวัติศาสตร์ของศิลปินชื่อดังระดับตำนานที่จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก และสินค้าที่เป็น Rare Item
  4. Zipmex กลยุทธ์ในกลุ่มเป้าหมายของแพลตฟอร์มนี้จะเป็น Campaign Innovation การสร้างคอมนิตี้จัด Virtual fan meet และเน้นในเรื่องของการเป็น Global Connector ยกระดับมาตรฐาน Digital Asset ของไทยให้ดึงดูดกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก

Music NFT ของ GMM Grammy จะถูกแบ่งออกเป็น 4 Tiers ในแต่ละแพลตฟอร์ม

  1. Special Collection สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในโลกของ Music NFT ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเน้นความ Mass เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง
  2. Rare Collection กลุ่มนี้จะเป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัด เป็น Unseen Item โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Limited Item และ Limited Movement
  3. Epic Collection กลุ่มสินค้าที่ไม่มีการผลิตซ้ำ เป็น Moment พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำที่มีคุณค่า ให้แฟนๆได้เข้าถึงและสามารถครอบครองได้
  4. Legendary Collection เป็นสินค้าและผลงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศที่มีประวัติความเป็นมา บางชิ้นนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก

“เราต้องการสร้างประวัติศาสตร์ในการบุกเบิกตลาด Music NFT ในต้นปีหน้า ด้วยความพร้อมถึง 48 แคมเปญ เพื่อแฟนพันธ์แท้ของศิลปิน หรือนักสะสมที่ชื่นชอบในชิ้นงานและอยากครอบครองเป็นเจ้าของรวมทั้งนักลงทุนที่จะเข้าถึงและครอบครองความพิเศษในครั้งนี้” คุณภาวิต กล่าว