สารจากประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

สารจากประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม



นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
ประธานกรรมการบริษัท


นางสาวบุษบา ดาวเรือง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม

เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

     สำหรับปี 2565 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ยังคงดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต่างชะลอตัวลง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่เริ่มคลี่คลาย แต่ผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและอุตสาหกรรมความบันเทิงโดยภาพรวมชะลอตัวลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจเพลงและการผลิตคอนเทนต์สำหรับสื่อต่างๆ อย่างไม่เคยหยุดนิ่งในการปรับตัว และเพิ่มช่องทางการหารายได้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เครือธุรกิจ บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญต่อความคล่องตัวในการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน ในปี 2565 บริษัทฯยังคงสามารถสร้างรายได้รวมเท่ากับ 5,319.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 166.4 ล้านบาท

     ปัจจุบันอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลกเข้าสู่ Second Wave หรือการเติบโตระลอกสอง ที่นำโดยการเติบโตของ Digital Music Platform หรือ Music Streaming Platform ต่างๆ เช่น YouTube, Facebook, Spotify, Apple Music, Tencent Music และ JOOX เป็นต้น Digital Disruption ที่เคยเป็นภัยคุกคามธุรกิจเพลงในอดีต กลายเป็นแหล่งรายได้หลักมากกว่า 50% ของธุรกิจเพลง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าธุรกิจ Digital Music ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่อการสร้างศิลปินรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานการฝึกศิลปินให้ทัดเทียมระดับสากล จึงเกิดสถาบัน GMM Academy แหล่งบ่มเพาะปั้นศิลปินยุคใหม่ให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืน อีกหนึ่งธุรกิจที่กลับมาเติบโตหลังจากสถานการณ์ Covid-19 เริ่มคลี่คลายคือ ธุรกิจ Showbiz ที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้หน่วยงาน GMM SHOW สามารถจัดคอนเสิร์ตและเฟสติวัล ทั้งหมด 12 งาน คิดเป็นผู้ชมมากกว่า 280,000 คน สิ่งเหล่านี้สะท้อนการปรับตัวของบริษัทฯ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ธุรกิจที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

     ด้านธุรกิจอื่นในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) อย่างธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดเช่นกัน แต่ยังคงรักษาฐานลูกค้าและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้ดี ในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์ในปีนี้มีภาพยนตร์ออกฉาย 4 เรื่อง โดยไฮไลท์สำคัญได้แก่ ภาพยนตร์ “บุพเพสันนิวาส ๒” ที่ร่วมทุนสร้างระหว่าง GDH และบริษัทบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากฐานผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ และเป็นหนังไทยที่ทำเงินรายได้รวมทั่วประเทศได้สูงสุดประจำปี 2565 อีกด้วย

     นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งแล้วนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจตลอดมา และก็เป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทฯ ได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทยในระดับสูงสุด “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือความตั้งใจและความมุ่งมั่นของบริษัทฯที่จะดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมไปถึงพัฒนาการบริหารจัดการบนหลักธรรมาภิบาลต่อไป เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคม และโลกในระยะยาว

     ในนามของคณะกรรมการบริษัท ใคร่ขอขอบคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันการเงิน หน่วยงานราชการ บริษัทเอเจนซี่ ศิลปิน คณะผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกท่านที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพในการสร้างสรรค์ผลงานการผลิต การบริการ การบริหารจัดการ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิงของประเทศชาติ และสังคมอย่างยั่งยืนสืบไป